วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิกฤตการณ์ ภาษาและวัฒนธรรมอาข่า ในปัจจุบัน




วิกฤตการณ์ ภาษาและวัฒนธรรมอาข่า ในปัจจุบัน

            อาข่าในปัจจุบัน มีความเจริญก้าวหน้า มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา มีความสะดวกสะบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ถนนหนทางเข้าถึงหมู่บ้าน การงานอาชีพเกษตรกรรมมั่นคง ส่งลูกหลานให้มีการศึกษาสูงๆ เทคโนโลยีเข้าถึงในบ้าน ได้รับรู้เรื่องราวในโลกกว้างขึ้น ติดต่อสื่อสารกันได้ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่
            ดูแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งกับความเจริญก้าวหน้าของคนอาข่าในปัจจุบัน แต่ทำไมการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้ภาษาและวัฒนธรรมอาข่าเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย ยิ่งความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ยิ่งทำให้เกิดวิกฤตทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่า เพิ่มขึ้นทุกวี่วันในปัจจุบัน        
            วิกฤตการณ์ภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน มีมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งข้าพเจ้า ได้มาคิดวิเคราะห์แยกแยะ ปัญหาดูแล้ว สามารถสรุปปัญญา วิกฤตการณ์ภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบันได้ 7 ประเด็กหัวข้อหลัก ดังนี้


1. วิกฤตการณ์ภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน เกิดจาก ด้านครอบครัว


สังคมครอบครัวอาข่าในปัจจุบันไม่เหมือนสมัยก่อน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกหลานไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เนื่องจากลูกหลานต้องเรียนหนังสือ พ่อแม่ต้องทำงาน โอกาสที่ได้มาเจอหน้า พบปะพูดคุยไม่ค่อยมี ทำให้การเรียนรู้ภาษา และวัฒนธรรมอาข่า ผ่านทางพ่อแม่ไม่ค่อยมี เมื่อเด็กไม่ได้รับการเรียนรู้ ภาษาอาข่าที่พูด จึงใช้ได้ไม่ถูกต้อง และไม่ค่อยได้ใช้ มีภาษาอื่นเข้ามาใช้แทน ทำให้การเรียนรู้และการใช้ภาษาอาข่าเป็นไปในการพูดผ่านชีวิตประจำวันเท่านั้น ยิ่งหนักเข้าอีก เมือลูกโตขึ้น ออกห่างพ่อแม่ ไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกัน การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจึงถึงจุดบอด ไม่มีโอกาสให้ลูกหลานได้เรียนรู้กันและกัน ทำให้เกิดปัญหา วิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน อย่างมาก ดังนั้น อันดับแรก เกิดจากครอบครัว ที่ไม่มีเวลา และไม่ได้ให้ความสนใจในการถ่ายทอดเรียนรู้ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเท่าที่ควร

2.) เกิดจากด้านการศึกษา

เยาวชนอาข่าในปัจจุบัน ได้รับการศึกษาอย่างต่ำ  ระดับประถมศึกษาและยังมีเยาวชนที่มีการศึกษาระดับปริญญาอีกจำนวนมาก  การศึกษาในยุคสมัยใหม่ ทำให้เยาวชนคนอาข่าไม่ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของตน วันหนึ่งๆต้องเสียเวลาในการเรียนการสอในห้องเรียน พอเลิกเรียนมามีการบ้านให้ทำอีกเยอะ และนักศึกษาที่เรียนระดับปริญญา ต้องอยู่ในสังคมห่างไกลชุมชน ไม่มีโอกาศได้เห็นได้ยินภาษาอาข่า ทำให้เกิดความห่างเหินจากวัฒนธรรมเดิม ไปรับวัฒนธรรมใหม่ๆในสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่ บวกกับทางชุมชน ไม่มีสถานบันทางการศึกษาให้ความรู้เรื่องภาษาอาข่าและวัฒนธรรมเท่าที่ควร ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ ในที่สุด เยาวชนคนใหม่เห็นว่า ภาษาและวัฒนธรรมอาข่า เป็นเรื่องที่ไกลตัว ไม่มีความสำคัญจำเป็นอะไร สนใจแต่เรื่องของการเรียนเอกวิชาของตัวเองให้รอดก็ยากแล้ว จะสนใจเรื่องอื่นๆ แทบไม่มีเวลา เป็นปัญหา วิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าอย่างมากที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

3.) เกิดจากด้านการทำมาหากิน

ยุดสมัยปัจจุบัน มีรายจ่ายเยอะกว่ารายรับ ยิ่งใครมีลูกหลายคน รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย พ่อแม่พี่น้องอาข่า หลายคนต้องตัดสินใจทิ้งไร่สวน ออกไปทำงานนอกหมู่บ้าน ไปสู่งานในเมือง ที่ๆตนไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิต การออกห่าง อยู่ต่างถิ่นที่ห่างไกล ทำให้ความสัมพันธ์ทางภาษาและวัฒนธรรมแปรงเปลี่ยนไป ไม่ค่อยได้พูดคุย ไม่ได้อยู่ร่วมกัน กับพี่น้องอาข่า  นานทีปีหนได้กลับมาเจอหน้ากัน ใช้เวลาหมดไปกับการกิน เที่ยว สังคมสมัยใหม่ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมเปลี่ยนแปลงไป นั้นก็หมายถึง  นับวันคนอาข่า ไม่ได้ใช้ภาษาของตัวเอง ไม่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมอาข่า เพราะความจำเป็นทางฐานะครอบครัว ความเป็นสังคมอาข่าถึงทางตันเป็นภาวะวิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบันอย่างแท้จริง

4.) เกิดจากด้านการแต่งงานกับคนนอกชนเผ่า

โลกสมัยใหม่ทำให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น ไปมาหาสู่กันสะดวกสบายกว่าอดีต มีทางเลือกมากขึ้น สังคมอาข่า นิยมไปทำงานนอกหมู่บ้าน ส่งลูกหลานให้มีการศึกษาสูงๆ ทำให้ได้รู้จักผู้คน และสังคมวัฒนธรรมที่หลากหลาย คนอาข่าในปัจจุบัน หลายคนนิยมแต่งงานกับคนนอกชนเผ่าด้วยกัน เมื่อไปทำงานอยู่ในสังคมใหม่นานๆ ทำให้ได้คบคนในสังคมใหม่  เป็นธรรมชาติที่ทำให้เกิดความรักความผูกพัน หลายคนได้แต่งงานมีลูกกับคนนอกชนเผ่า  ส่งลูกเรียนหนังสืออยู่ในเมือง ลูกๆอาข่า ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ภาษาของตนเรียนรู้ภาษาสากล เป็นภาษาที่พ่อแม่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง นานๆทีจะพาลูกหลานกลับไปเยี่ยม ปู่ ย่า ตา ยาย การจะเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมอาข่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย และในปัจจุบัน สังคมอาข่าทั้งหญิงและชาย นิยมแต่งงานกับคนนอกชนเผ่า และตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองมากขึ้น พ่อกับแม่ไม่เก่งเรื่องภาษา ไม่รู้เรื่อง วัฒนธรรมอาข่า แล้วลูกที่เกิดมาจะรู้เรื่องราวอาข่าได้อย่างไร นี้คือจุดเสี่ยงที่สุดในเยาวชนอาข่าสมัยใหม่ ที่เป็นวิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน และดูเหมือนเป็นหนทางสู่ความหายนะในชาติพันธ์อาข่าในที่สุด เพราะคนจะอยู่รวมปนกันหมด ไม่รู้อะไรคืออาข่า อะไรคือจีน ไทย

5.)เกิดจากด้านการนับถือศาสนา

วัฒนธรรมดั้งเดิมอาข่า ที่นับถือบรรพบุรุษสืบเนื่องกันเป็นเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ถูกปฏิเสธจากศาสนาใหม่ๆ ที่คนอาข่าหันไปนับถือแทน พิธีกรรมบางสิ่ง วัฒนธรรมบางอย่าง ศาสนากำหนดไว้ ไม่ให้ทำต่อ ไม่ให้มี และไม่ยอมรับ และพี่น้องอาข่าก็เห็นดีเห็นงามด้วย คิดว่าศาสนาใหม่คือวัฒนธรรมที่ตนภูมิใจ ทำให้วัฒนธรรมอาข่าดั้งเดิมนั้น สูญหาย ไม่ได้รับการสืบต่อ มีจำนวนน้อยที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมนี้ไว้ แต่ยิ่งนับวัน คนที่นับถือบรรพบุรุษก็ลดน้อยถ้อยลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากคนสมัยใหม่ขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ทำความเข้าใจยาก มีความยุ่งยากไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด เข้าถึงความรู้ลำบาก การสืบทอดวัฒนธรรมอาข่า ที่ดีงามต้องพังทลายลงเพราะความคิดเห็นที่ต่างมุม โดยไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ ถือว่าน่าเสียดายเป็นที่สุด

6.) เกิดจากด้านเทคโนโลยี
ความเจริญก้าวหน้าในเรื่องเทคโนโลยี เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ทางวัตถุในปัจจุบัน ผู้คนให้ความสนใจกับเรื่องวัตถุ ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันมากกว่าสิ่งอื่นใดๆ  สังคมอาข่ารับวัฒนธรรมแห่งสมัยใหม่นี้เข้าทุกคนทุกบ้านแล้ว มีทีวี มีไฟฟ้าใช้ มีรถไปมาสะดวกสบาย ทำงานกลับมา เปิดดูทีวี พักผ่อนกายใจ ลูกหลานเลิกเรียนกลับมาบ้าน เล่นเน็ท คุยโทรศัพท์ ไม่มีเวลาพูดคุยเรื่องภาษาวัฒนธรรมอาข่า สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ วัฒนธรรมทางวัตถุ แข่งขันกันได้ แข่งขันกันมี บ้านไหนครอบครัวไหนไม่มีต้องจัดหาซื้อมา กลายเป็นวิบากทางการชีวิตที่มีภาวะมากขึ้น เอาวัตถุเป็นแก่นนำของชีวิตเกินไป แทนที่จะเอาหนังสือเรียนรู้อาข่า มาดูมาใช้ กลับเอาดีด้านเทคโนโลยีมากจนเกินไป ติดนิสัย สร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ผิดเพี้ยน ที่ทำให้เกิดปัญหา วิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน เหมือนไม่มีวันจะจบจะสิ้น

7.) เกิดจากผู้นำและคนในชุมชน
ในสมัยปัจจุบัน จะให้ทุกคนได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมอย่างเข้าใจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีหลายสาเหตุหลายปัจจัยที่ขัดแย้งต่อการเรียนรู้อยู่ ถึงแม้เป็นไปไม่ได้ทุกวัน มันก็น่าจะเป็นไปได้ในชุมชนที่เราอาศัยอยู่ ให้มีการจัดการเรียนการสอนจากผู้รู้ถ่ายทอดให้เยาวชนอย่างเสียสละไม่เห็นแก่ลาภยศอย่างจริงจังและต่อเนื่องกำหนดการที่ชัดเจน ชุมชนควรวางแผน ร่วมด้วยช่วยกัน  ควรให้มีกิจกรรม จัดงานที่เกี่ยวกับ ภาษาและวัฒนธรรมอาข่า อย่างน้อยๆ ในงานประเพณีที่สำคัญของอาข่า แต่เราเยาวชนคนอาข่าไม่เคยได้เห็นว่า ผู้นำหมู่บ้าน คนในชุมชน หลายๆหมู่บ้าน ที่ให้ความสนใจ ในการจะอนุรักษ์ ให้ความรู้สอดคล้องกับภาษาและวัฒนธรรมอาข่า เมื่อมีงานประเพณีวัฒนธรรมก็จัดแค่พิธีกรรมเฉยๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเลย แถมยังไปไร่ ทำสวนอีก ห่วงเงินยิ่งกว่าอะไร เมื่อเห็นแล้ว เยาวชนที่สนใจ ที่รัก และอยากจะรู้ต้องใส่หัวไปตามๆกัน สภาพแวดล้อมสังคมอาข่าในปัจจุบัน ไม่เอื้อมผลประโยชน์ต่อการเรียนรู้วัฒนธรรมอาข่าเท่าที่ควร สิ่งนี้เป็นวิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน ที่เราเผชิญอยู่ทุกวันนี้

            จะเห็นได้ว่า วิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน มีมากมาย มาจากหลายๆสาเหตุด้วยกัน ทั้งที่เกี่ยวข้องกับ ครอบครัว  ศาสนา เศรษฐกิจ การศึกษา การแต่งงาน เทคโนโลยี  และชุมชน
จะโทษใครคนใดคนหนึ่งว่าผิดถูกนั้นไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา เราในฐานะเป็นคนอาข่าด้วยกัน ทุกคนควรหันมาสนใจ ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นวิกฤตการณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมอาข่าในปัจจุบัน ให้ได้รับการแก้ไข และฟื้นฟูให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นหน้าที่ของพี่น้องอาข่า ทุกคน ถ้าเราไม่ช่วย ไม่แก้ไข ไม่ทำให้ดีขึ้นแล้ว ใครที่ไหนเขาจะมาช่วยเราได้
มีความเชื่ออย่างยิ่งว่า คนอาข่าทุกคน มีความรักในภาษาของตน รักในความเป็นวัฒนธรรมอาข่า ยังมีอีกหลายคน หลายสมาคม หลายมูลนิธิ หลากหลายหน่วยงาน ที่ยังทำหน้าที่ เสียสละ ทุ่มเท เอาใจใส่ ในการที่จะรักษา ภาษาและวัฒนธรรมของเราอยู่ อยากให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่ชาติพันธุ์อาข่า เป็นกำลังใจให้ตัวเอง เป็นกำลังใจให้ผู้อื่นเสียสละบ้างในบางโอกาศ  อยากให้มีแรงบันดาลในการรักษาความเป็นอาข่าไว้ เรามาระดมสมอง ระดมความคิด ร่วมด้วยช่วยกัน คนละไม้คนละมือ ชาติพันธุ์อาข่าทุกคนเป็นสิ่งสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เราต้องรักษาดำรงชาติพันธ์อาข่าของเราไว้ ให้เกียรติอาข่าออกสู่สายตาชาวโลก ว่าเราเป็นอาข่า เราภูมิใจที่เป็นคนอาข่า เรามีภาษา  เรามีวัฒนธรรม เป็นเอกลักษณ์ของอาข่า ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ด้อยไปกว่าภาษาและวัฒนธรรม อื่นใด.........
พี่น้องอาข่าเรามาช่วยกันนะครับ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปกว่านี้...
 ด้วยหวังและเป็นกำลังใจ
พล พลัง 1-8-55 ณ. อุทยานนครสวรรค์
                                 
       
 เยาวชนอ่าข่า บ้านแม่จันใต้          

                                                   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น