อ่าข่ากับมรดกโลก
ภูมิปัญญาของชาติพันธุ์อ่าข่าเป็นอีกหนึ่งมรดกที่ล้ำค่าที่สุดของสังคมโลก
มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี มากกว่า 50 ชั่วอายุบรรพบุรุษ ได้สืบสานภูมิปัญญา
ภาษา วัฒนธรรม และศิลปะต่างๆมากมาย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ก่อเกิดวัฒนธรรมที่สวยงามกลมกลืนเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ
มีหลักความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีสืบทอดกันมาแต่ครั้งปฐมบรรพชน
ภูมิปัญญาศาสตร์ศิลป์ทุกแขนงได้ถ่ายทอด เรียนรู้ปากต่อปาก อาจารย์สู่ลูกศิษย์ พ่อสู่ลูก โดยไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
บรรพบุรุษชาติพันธุ์อ่าข่าได้สร้างสรรค์สิ่งล้ำค่าน่าอัศจรรย์มากมาย ปรัชญา คำคม
วาทกวีศิลป์
จารีตประเพณีต่างๆเพื่อดำรงความเป็นชาติพันธุ์อ่าข่าไว้มิให้เสื่อมไปตามกาลเวลาและเพื่อความสงบสันติของชุมชนที่อยู่ท่ามกลางขุนเขานิเวศน์งาม
มรดกที่สำคัญที่สุดของชาติพันธุ์อ่าข่าที่มีหนึ่งเดียวในโลกคือ
การท่องจำชื่อบรรพบุรุษตั้งแต่พระเจ้าผู้สร้างฟ้า แผ่นดิน การก่อเกิดสรรพสิ่งและบรรพบุรุษมนุษย์คนแรก
การท่องจำชื่อบรรพชน เริ่มตั้งแต่ บรรพบุรุษมนุษย์คนแรก เรียงกันมาจนถึงชื่อของตน
การสืบสายเลือดจากพ่อสู่ลูกต้องผ่านพิธีเชื่อมจิตวิญญาณระหว่างพ่อผู้เสียชีวิตกับลูกชายที่สืบสายเลือดต่อโดยมีคนกลางที่รู้วิธีขั้นตอนตามหลักความเชื่อเป็นผู้ประกอบพิธีให้
ผู้ที่รับช่วงต่อจากพ่อนั้นต้องท่องชื่อบรรพบุรุษของวงศ์ตระกุลตนเองได้ หากจำไม่ได้หมายความว่า การสืบสายวงศ์ตระกุลนั้นขาดช่วงไป
ดังนั้นชาติพันธุ์อ่าข่าทุกคนจึงต้องรู้
จำชื่อบรรพบุรุษของตนเองเพื่อ สืบสายสกุลและเมื่อตายจากโลกเนี้อหนัง
ไปอีกโลกหนึ่งสามารถกลับไปตามหา สายบรรพบุรุษของตนได้ ตามความเชื่อ การตายของอ่าข่านั้นหมายถีงการกลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของตัวเองในอีกภพภูมิหนึ่ง
โดยพิมา หรือผู้นำทางจิตวิญญาณอ่าข่า เป็นผู้สวดมนต์นำดวงวิญญาณกลับสู่แดนบรรพบุรุษ
ซึ่งหมายความถึงอ่าข่าทุกคนจะต้องได้กลับไปอยู่ที่เดียวกันอย่างมีความสุขนิรันดร์
เพราะมีบรรพบุรุษพ่อแม่เดียวกัน ดังนั้นพ่อแม่ทุกคนต้องสอนชื่อบรรพบุรุษให้กับลูกตั้งแต่เด็กจดจำไว้ตลอดชีวิต
สืบทอดมาจนกลายเป็นมรดกทางจิตวิญญาณที่ยาวนานที่สุด ซึ่งทุกคนในสังคมไม่เพียงแค่ชาติพันธุ์อ่าข่าที่ควรตระหนักถึง
ความสำคัญ ความยิ่งใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกนี้สืบไป
การท่องจำชื่อบรรพชนนั้นไม่ได้มีความหมายเพียงเพื่อสืบสายโลหิต
แต่คือหมายรวมถึงเคารพบูชากตัญญูกตเวทีและความรักที่มีให้กับบุพการีผู้ให้กำเนิดอุ้มชูเลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่ ทุกๆเทศกาลอ่าข่านั้นหมายถึงการเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษที่เคารพรักด้วยเครื่องเซ่นไหว้ตามหลักจารีตประเพณี
การไหว้บรรพบุรุษในทุกๆเทศกาลนั้นคือการแสดงความรักความคิดถึง บรรพบุรุษปู่ย่า
พ่อแม่ผู้ล่วงลับ แสดงความกตัญญู อุทิศส่วนกุศลให้และขอพรจากบรรพบุรุษในเวลาเดียวกัน
เป็นจารีตประเพณีที่งดงามและสากลที่สุดประเพณีหนึ่งของชาติพันธุ์โลกใบนี้
ความมหัสจรรย์ของชาติพันธุ์อ่าข่ามีอีกมากมาย
อ่าข่าคือนักปราชญ์แห่งขุนเขา เป็นศิลปิน
สร้างสรรค์งานศิลปะบนผืนผ้า สร้างสรรค์วาทศิลป์ คำคมนำมาใช้ในวิถีชีวิตอย่างลงตัวทุกยุคทุกสมัย เรียนรู้ สืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าไม่ขาดสาย
โดยเฉพาะความอัฉริยะของ พิมา หรือผู้นำจิตวิญญาณชาติพันธุ์อ่าข่า
เป็นผู้มีพรสวรรค์เรื่องความทรงจำที่ดีเลิศ รอบรู้ศาสตร์และศิลป์ทุกแขนง
บทสวดมนต์คาถา อาคม ยารักษาโรค พิมา คือผู้เจนจัดในวิถีชีวิตอ่าข่า
เป็นที่เคารพของทุกคน
ทุกๆคนสามารถรับคำชี้แนะเรียนรู้ได้จากผู้รู้อย่างอบอุ่น ด้วยการฟัง การดู
โดยปราศจาก หนังสือบันทึก สืบทอดแบบมุขปาฐะ ในทุกๆเรื่อง วิถีชีวิตได้หล่อหลอมชาติพันธุ์อ่าข่ากลายเป็นคนรักธรรมชาติมีจิตใจอ่อนน้อมถ่อมตน
ยิ้มแย้มร่าเริงเป็นมิตรกับแขกผู้มาเยือน
เป็นเหตุให้หมู่บ้านอ่าข่ามีเสียงเพลง เสียงหัวเราะมิเคยขาดสายไป
แบบแผนการปกครองชุมชนมีเอกลักษณ์เฉพาะ
มีผู้นำหลักสืบทอดโดยสายเลือดปกครอง มีสิทธิ์อำนาจในการตัดสินคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านตามกฏจารีตประเพณีที่ปฏิบัติมาแต่อดีต
จารีตประเพณีการปกครองของอ่าข่าเป็นกฏจารีตที่สมบูรณ์ที่สุดหนึ่งของสังคมมนุษย์ในอดีตที่ผ่านมา
วิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมที่สวยงามของชาติพันธุ์อ่าข่า
สามารถสืบสานดำรงความเป็นอัตลักษณ์มาจนถึงปัจจุบันได้
เพราะในอดีตชาติพันธุ์อ่าข่าเป็นสังคมเอกเทศ
ไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับสังคมชาติพันธุ์อื่นมากนัก
จึงมีความรุ่งเรืองในศิลปะวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ณ
ปัจจุบันโลกาภิวัฒน์มีอิทธิพลต่อรอบด้าน ไม่เพียงแต่ชาติพันธุ์อ่าข่าหรือชาติพันธุ์มนุษย์โลกเท่านั้น
แต่มีผลกระทบต่อสรรพสิ่งในโลกหล้า นั้นหมายความว่าใครอาศัยอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้
กระแสสังคมโลกาภิวัฒน์เข้ามามีบทบาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อิทธิพลเทคโนโลยี ศาสตร์ ศิลป์ ปรัชญา ศาสนา
มีหลากหลายที่น่าหลงไหล เลื่อมใส สมเหตุสมผลกว่า จารีตประเพณีเดิม ทำให้เกิดความสงสัย
เบื่อหน่ายวิถีเดิมๆจนละทิ้งไปยึดถือเดินตามเส้นทางที่ตนเห็นชอบดีกว่า
วิถีชีวิตและสถานการณ์เหล่านี้มีแนวโน้มรุนแรงขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว หากชาติพันธุ์อ่าข่าไม่ตื่นตัว
ย้อนกลับมาดูจุดเดิมที่เราเคยอยู่ หันกลับมาสนใจศึกษาวิถีชีวิต ประเพณีอ่าข่าบ้าง
อีกไม่นานชาติพันธุ์อ่าข่าคงเหลือเพียงชื่อ รูปกายภายนอกที่ไร้มนต์เสน่ห์ ไร้มรดกทางจิตวิญญาณ
ดังนั้นชาติพันธุ์อ่าข่าควรรักษาคุณค่าของตนไว้ให้สังคมรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ
เยาวชนรุ่นใหม่ควรศึกษาวิถีชีวิต ภาษาและศิลปะวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการศึกษาความรู้ในโลกปัจจุบัน
ไม่มีใครต้องการให้คงอยู่หรือกลับไปเหมือนอดีตที่เคยผ่านมา
ทุกคนปรารถนาการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกว่า
แต่ในการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่านั้นยังคงธาตุแท้เดิมไว้ คือ การเปลี่ยนที่น่ายินดี
มีคุณค่าและสมบุรณ์ที่สุด เพราะฉะนั้นชาติพันธุ์อ่าข่าทุกคนควรสำนึกถึงสายเลือดของตนอยู่เสมอ
ทุกคนเป็นพี่น้องกันมีเป้าหมายร่วมกัน สร้างสรรค์สังคมอ่าข่าให้สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน
สามารถดำรงความเป็นชาติพันธุ์อย่างสันติสุขในท่ามกลางความเจริญ
ความหลากหลายในสังคม อนุรักษ์ความเป็นชาติพันธุ์อ่าข่าไว้เพื่อเป็นเกียรติแด่บรรพบุรุษ
เพื่อความภาคภูมิใจของตัวเอง และเพื่อเป็นมรดกที่มีชีวิต เอกลักษณ์สวยงาม
ของโลกสืบไปนิรันดร์
“หากแม้ ไม่สามารถเรียนรู้วิถีชีวิตชาติพันธุ์อ่าข่าได้มากมาย อย่างน้อยที่สุดต้องท่องจำชื่อบรรพบุรุษของตัวเอง
สำนึกไว้ในจิต เพื่อไม่ให้ลืมเชื้อชาติตน
สืบไปชั่วลูกหลานตลอดกาล”
พี่น้องและสหาย
สรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น